วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

บทความ : Macbook vs Notebook เอาไรดี ??


หากคุณกำลังมองหา Notebook สักตัว และกำลังคิดหนักอยู่ว่า จะไปซื้อ Macbook ดี หรือว่า Notebook ทั่วๆไปแบบ Thinkpad, Acer, HP, DELL, Asus โอ้ยหลากหลาย ก็ลองอ่านบทความนี้ดูก่อนว่า อาจจะช่วยคุณได้บ้าง ไม่มากก็น้อย
จริงๆแล้วมีช่วงนึงที่ กระแส Macbook นั้นกำลังแรงมาก ช่วงนั้นคนรอบข้างผม ใครๆก็ต่างซื้อ Macbook กันหมด คือช่วงที่ Windows Vista สู่สุดห่วย บรม สุดๆ และช่วงที่ Virus ระบาดสุดๆ ตอนนั้นพอใครแนะนำให้ซื้ออะไร เหล่าเซียนคอมทั้งหลายก็ฟันธงไปที่ Mac กันหมดเลย

แต่พอเวลาผ่านพ้นไป รู้ไหมครับว่าเกิดอะไรขึั้น คนที่ใช้ Mac ทั้งระดับ User และระดับ Advanced User  ก็พากันทิ้งเจ้า Mac ของตัวเอง กลับไปใช้ Windows ด้วยเหตุที่ใช้งานไม่เป็น เป็นหลัก กับระดับกลางๆ อย่าง Advanced User ก็ยังคงเลิกใช้ Mac เช่นกัน ด้วยเหตุที่ไม่ Compatible กับชาวบ้านชาวช่องเขา คือ ต่อกับใครไม่ได้เลย เหมือนชีวิตอยู่ตัวคนเดียว จะแชร์ไฟล์อะไรกับคนทั่วไปก็ไม่ได้ จะพิมพ์งานออก printer ก็ลำบาก .. ทำให้ผมเองก็ชักสงสัยว่า เอ๋ มันดีจริงไหม แต่ผมก็ยังคงไม่ได้สอย Mac ในช่วงเวลาดังกล่าว จนพึ่งมีโอกาสได้แตะมันนี่แหละ
ประสบการณ์ส่วนตัว
จากที่ได้ลิ้มรสมัน 3 วันในฐานะ Super User ต้องบอกว่า Super User  (แม้ยกตัวเองไปไหมเนียะ) ก็ต้องบอกว่า Mac OSX มันเทพมากจริงๆ ด้วยการ Design ที่สวย และ ด้วยการเข้าใจความต้องการของผู้ใช้อย่างแท้จริง อย่างไรหรือครับ มันมี Shortcut มากมายที่ทำให้ ผมทำงานได้รวดเร็วกว่าเดิมที่ใช้ Windows อย่างมาก อาทิเช่น Spaces ที่ทำให้เรามีหลายหน้าจอไว้ใช้งาน ในเวลาเดียวกัน มากถึง 16 หน้าจอ แถมเรายังซ่อน เลื่อน ขยาย ขยับ สกอร์ หรือ สลับหน้าต่าง อย่างง่าย แสนจะง่ายสุดๆ
แต่สิ่งที่ผมอยากจะบอกก็คือ Mac OSX เหมาะกับ Super User เหอะๆ อ้าวทำไมว่าไปนั้น ก็เพราะลูกเล่นที่มากมาย มหาศาล ทำให้ User น้อยคนนักจะใช้งานเป็น หรือ นำมันมาใช้งาน หรือ ชอบใช้งาน
Shortcut เป็นอย่างไง เอาง่ายๆ เวลาจะ Copy ข้อความทำอย่างไร คนทั่วไปก็ “เลื่อน Mouse ลากไปข้อความที่ต้องการแล้ว คลิกขวา แล้วเลือก Copy พอจะวางก็ คลิกขวาแล้ว Parse”  แต่ถ้าคนบ้าพลัง ชอบใช้ Shortcut ทำอย่างไร ก็ลากแล้วก็ Ctrl + C วางก็ Ctrl + V
คนทั่วไป จะเปิด Windows Explorer ทำอย่างไร ก็ Start -> All Program หา Windows Explorer แต่เด็กพิเศษทำไง กดปุ่ม Win ที่ Keyboard + E
นี่ก็เป็น Shortcut บน Windows นะครับ จริงๆบน Mac ก็มี Shortcut เหมือนกัน และดูเหมือนจะมีเยอะด้วย
แต่ผมกำลังพูดถึงแค่ Basic ของ Windows แต่ถ้าไปพูดถึงบน Mac มันทำอะไรได้มากกว่ามากมายจริงๆ การใช้นิ้วมหัศจรรย์ที่เบื้องบนทรงสร้างไว้กับเรา มันทำอะไรได้มากกว่า จับ Mouse ไว้เลื่อนไปเลื่อนมาจริงๆ หรือมากกว่าเอานิ้วไปบน Touchpad จริงๆ เพราะบน Mac คุณลาก 2 นิ้ว scroll ได้ หรือ 3 นิ้วเพื่อ Next และ Previous หรือใช้ 4 นิ้วในการซ่อนหน้าต่าง หรือกระจายทุกหน้าต่างให้เห็นให้หมด พร้อมทั้งดูทุกโปรแกรม load ไปพร้อมๆกัน หรือการกระจาย ไปยัง Spaces หน้าจออื่นๆของเรา เพื่อการทำงาน หรือโยกการทำงานแต่ละหน้าจอ โอ้ย มันเยอะไปหมด แค่นี้ก็ช่วยได้มากมาย ผมยังเรียนรู้ไปไม่มากเลยนะเนียะ
แต่สิ่งที่ตอบโจทย์ผมไม่ได้ และ หลายๆคนไม่ได้คือ คนทำเว็บ เพราะผมยังจำลองเครื่อง Mac เป็น Server ไม่ได้ เหมือนที่คนทำเว็บใช้ IIS มาเป็น web server ในตัวเองเพื่อเขียนเว็บ ก่อนเอาขึ้นระบบ หรือ มันไม่มีโปรแกรมหลายๆโปรแกรมที่เราใช้งาน และต้องบอกว่าหลายๆอย่างเราคุ้นเคยกับ Windows ไปเสียแล้ว เราคุ้นเคยกับการเข้า Windows Explorer เห็น File เราเป็น Folder Folder เราต่างอยากเห็น Partition ของเรา Drive C Drive D ต่างๆของเรา ซึ่งเราหาไม่ได้กับ Mac หรือ เราจะชอบปิดหน้าจอด้วย x ทางขวา แต่อันนี้ทะลึ่งอยู่ซ้าย หรือเรามักคุ้นเคยกับการ ขยับหน้าจอแบบ Full Screen แต่ของ Mac ทำได้แค่ Fit พอดีกับโปรแกรมไม่ FULL Screen
อ้าวแล้วเลือกไรดีหว้า ?
จริงๆต้องถามตัวเองก่อนว่า
1. เราทำงานด้านไหน ต้องใช้โปรแกรมอะไรบ้าง
2. เราต้องทำงานร่วมกับคนอื่นไหม เช่น Share File Word, Excel, Powerpoint
3. เราเป็น User ที่ชอบอะไรง่ายๆ หรือเราเป็น User ระดับที่ชอบจำ ทางลัด ชอบหวือหวา
หรือ 4. เราเป็นคนชอบหาโปรแกรม แปลกๆ ใหม่ๆ มาลงในเครื่องหรือไม่
ผมมักพบว่า มีคนจำนวนมาก ชอบเข้าเว็บ Portal ต่างๆ แล้วก็จะพบว่า คนแนะนำโปรแกรมนั้น โปรแกรมนี้ โปรแกรมแปลศัพท์บ้าง โปรแกรมดูหนังใหม่ๆ บ้าง โปรแกรม Chat แปลกๆ โอ้ย สารพัดโปรแกรม ผมก็ไม่ค่อยรู้จักพวกนี้ แต่มักไปเจอในเครื่องคนอื่น ก็มักเข้าไปแล้วเจอ ก็น่าสนใจก็ลงเครื่องเลย ถ้าคุณชอบแนวนี้ ก็อย่าใช้เลยครับ Mac ไม่เหมาะกับคุณอย่างแรง
หรือหากคุณเป็น Web Developer หรือเป็น Web Programmer หรือเป็น Programmer บน Windows ก็หมดสิทธิที่จะใช้ Mac แน่นอน
หรือหากคุณเป็น ผู้บริหาร ที่ต้องเชื่อมต่อกับผู้ใช้งานใน Office ต้องดู Report ต้องรัน ERP ต้องใช้โปรแกรมภายในบริษัท Mac ก็ไม่เหมาะกับคุณ
หรือหากคุณชอบเล่นเกมส์ ชอบโมเครื่อง ใช้ Card จอแรงๆ Mac ก็ไม่เหมาะกับคุณ
แต่หากคุณอยากได้เครื่องที่เสถียรๆ ปราศจาก Virus ใช้งานด้านเอกสาร ดูหนัง ฟังเพลง Entertainment ทั้งหลาย หรือ รวมถึง Programmer บน OSX, iOS (iPhone, iPod touch, iPad) หรือ คุณทำงานด้าน Server ที่ต้อง Remote ใช้งานกับ Linux Server ตัว Mac ก็ทำงานได้ดีทีเดียว
มุมมองด้าน Hardware ล่ะ
ด้าน Hardware ก็ต้องบอกว่า Mac ทำมาได้ดี สวย เฉียบ เรียบ เนียน แต่นั้นแหละครับ นานาจิตัง คนต่างมองหลากหลายกันไป ดังนั้นไม่มีอะไรที่หลากหลายเท่า Notebook ที่รัน Windows อีกต่อไปแล้ว เพราะว่ามันมีทั้งขยายเล็กใหญ่ที่หลากหลาย Design ที่หลากหลาย หรือ แม้กระทั่ง อุปกรณ์ที่หลากหลาย
Mac ทำมาเป็นเอกลักษณ์ จนเราไม่สามารถ Upgrade Memory, Disk, Battery เองได้ ถ้าบน Notebook ล่ะก็ หมูนุ่มเลย แต่ต้องบอกว่าแบตของ Mac สร้างความประหลาดใจให้ผมมาก เพราะว่ามันอยู่ได้ระดับ 10 ชม ตาม Spec แต่ใช้จริงก็สัก 6 ชม แต่ผมว่ามันก็หรูแล้วนะ แล้วสำคัญ เขาเบ่งว่าเขาไม่ได้ใช้ Lithium เหมือนชาวบ้านด้วย โอ้ ขนาดนั้น เวลาเปลี่ยนแบตทีก็ร้องจ๊ากเลย 6,000 บาท แถมต้องให้ช่างเปลี่ยนให้ด้วย
Mac มาพร้อมกับของแพง และไม่ครบถ้วนเสมอ Macbook Air ใหม่ ไม่มีแม้กระทั่ง Port LAN (RJ45) มาให้ อยากได้ซื้อครับ 800 บาท หรือไงนี่แหละ มีแต่ WIFI, หรือ Macbook Pro ก็ไม่มีช่อง VGA มาให้ต่อออก Projector อยากได้เหรอครับ ซื้อสิครับ พันกว่าบาท ยังดีที่มีช่องใส่ SD Card มาให้ เหอะๆ แต่กลับ Notebook คุณทำทุกอย่างได้ ตั้งแต่คุณซื้อมา อิอิ
น้ำหนัก โอ้ต้องบอกว่า Macbook Pro ผม 13″ แต่มันดูไม่ 13″ เลยพับผ่าสิ มันก็มีขนาดใหญ่เหมือนกันนะเนียะ ผมมีกระเป๋าใบนึงซื้อมามันบอกว่าใส่กับ Notebook 13″ ผมก็ใช้ Thinkpad 12″ อยู่ ปรากฎว่าใส่เกือบไม่ได้ เพราะว่าติดความสูง ก็พึ่งมาถึงบางอ้อ ก็วันนี้ ที่มาใส่ Macbook Pro 13″ มันกลับพอดิบ พอดี 5555 คือ หน้าจอมีความยาวกว่าครับ สำหรับ Macbook น้ำหนักนี่ ไม่ต้องพูดถึง หนักเอาการเลย ทำให้ตอนสั่งซื้อไปแล้ว พึ่งจะมายกมัน ก็ถึงขนาด พี่ครับ ขอผมดู Macbook Air 13″ หน่อยได้ไหมครับ แต่ปรากฎว่าร้านไม่มี Show 13″ ให้ลองยก เหอะๆ เพราะมันหนักจริงๆ ด้วยวัสดุที่ทำเป็นชิ้นเดียวกันทั้งหมดของมันมั่ง
มุมมองด้าน Software
สำหรับ Software นี่น่าคิดมากๆ เพราะว่าอะไร เรามักสงสัยว่า Mac เราลง Software เถื่อนได้ไหมอ่ะ อุ๊ อุ๊ นั้นแหละครับ ดังนั้น หากคุณซื้อ Mac คุณจะมาพร้อมเครื่องเปล่าๆ และโปรแกรมฟรีที่ร้านลงให้ แต่ไม่มีสิ่งที่ Show ในร้านนะครับ พวกโปรแกรมทำงานคล้ายๆ Ms Office ที่เราคุ้นเคย อย่างโปรแกรม Page, Number, Keynote (iWork) หรือ พวกที่เสียตังค์ทั้งหลาย จริงๆบางคนก็บอกว่า ก็ปกตินี่ Windows ก็ไม่มี แต่อย่าลืมว่า Windows เราลง Office Version Pantip กันเป็นชีวิต เราซื้อร้านพวกนี้มันก็ลงให้เราหมด แต่สิ่งเหล่านี้พบไม่ได้ที่ iStudio 5555+
Mac 3 หมื่นต้นๆ แต่ไม่จบที่ 3 ต้นๆนะครับ เพราะคุณต้องเสียค่า Software License บางคนอยากได้ MS Office 2011 for Mac ก็จัดไป 6 พันกว่า อยากได้ iWork ก็จัดไป 3 พันกว่า อยากได้ อะไรอีก ก็จัดไป สิ่งที่หนักสำหรับคนใช้ Mac คือ Accessories ที่แสนแพง เพราะเรามักหลงไหลกับความสวยงามของมัน จนอยากจะปกป้องมันจากรอยทั้งปวง เลยพยายามหาสารพัดมันหุ้มมันทุกจุดที่มันเป็นอุปกรณ์ ตั้งแต่ Hardcase บนล่าง ซองใส่สุดหรู หรือ ที่รอง Keyboard ก็สุดท้ายคุณจะหมดไปกับพวก Accessories ที่ซื้อโดยไม่ลืมหูลืมตาอีก ร่วมหมื่น 55555 มันเหมือนพาเที่ยวเลยครับ เวลาคุณซื้อ Macbook ร้านก็จะพาคุณทัวร์ Accessories พร้อมส่วนลด 10% ในการซื้อพร้อมเครื่อง ตอนนั้นคุณก็จะมีอาการเบล่อๆ มึนๆ กรูยังใช้ไม่เป็น ยังไม่รู้ว่าจะใช้อะไร แต่นี่ก็ต้องใช้ นี่ก็ต้องต่อ นี่ก็ต้องเสียบ นี่ก็ต้องใส่ นี่ก็ต้องหุ้ม เพราะเขาไม่ให้ Case เรามาด้วย ยังค้นหาตัวเองไม่เจอ แต่ซื้อไว้ก่อน อันนี้ก็ระวัง ระวังไว้หน่อยนะครับ มันคือ ต้นทุนเหมือนกัน

บทสรุปสุดท้าย
อย่างเดิมที่เคยเขียน เคยทำ ไม่มีใครบอกได้ว่าคุณเหมาะกับอะไร นอกจากคุณจะอ่านข้างบน ว่ามันเป็นอย่างไร แล้วค้นพบว่ามันเหมาะกับคุณอย่างไร อย่าให้ความสวย เริ่ิด เชิด หยิ่ง ของมัน ทำให้คุณไม่ค้นพบสิ่งที่คุณต้องใช้จริงๆได้ บางคนซื้อด้วยเหตุผลว่า มันสวย ฉันนั่งอยู่ในร้าน Starbucks แล้วเปิด Macbook โอ้ เท่ สวย ดูล้ำสมัย บางคนจินตนาการไปว่า พกพาไปไหน ก็มีแต่คนมอง ดูฉลาดล้ำ หรือบางคนก็ชอบที่มันดูทันสมัยพก Macbook Air บาง เฉียบ แต่เราลืมที่จะใส่ใจสิ่งที่เราใช้กับมัน ร้อยละ 99% ของเรามันอาจจะตั้งอยู่ที่ทำงาน หรือที่บ้านก็ได้ 1% เท่านั้นที่คุณจะมีโอกาสไปเปิดไว้ตามที่ต่างๆ ที่คุณมีเวลาเล่นกับมันแป๊บเดียว
ดังนั้น เลือก Notebook หรือ Macbook มองดูงานที่เราทำ ว่าเราใช้ทำอะไร List 1-10 ออกมา แล้วก็ถามว่า อะไรมันตอบโจทย์เราได้ นั้นแหละครับ คุณจะพบสิ่งที่คุณต้องการ อย่าใส่ใจภาพลักษณ์มาก เพราะถ้าสิ่งที่คุณซื้อมันช่วยให้คุณทำงานได้มีประสิทธิภาพ หาเงินเข้ากระเป๋าได้ ภาพลักษณ์จากพวกนี้ คุณจะซื้อมันเมื่อไรก็ได้ จริงไหม แทนที่จะภาพลักษณ์มาก่อน แต่มันทำเงินไม่ได้ ช่วยให้การทำงานไม่มีประสิทธิภาพ หลายๆคนเรียกว่า “สวยแต่รูป จูบไม่หอม” แต่ถ้ามันช่วยคุณทำงานได้ดี แถมสวยบาดตา บาดใจ บาดกระเป๋า หรือมีเงินเหลือใช้ มันเป็นความสุขเล็กๆของคุณ ก็ซื้อเลยครับ ไม่ต้องรีรอ

Cr : 7boot.com

2 ความคิดเห็น:

  1. คือผมทำงานเป็นdeveloper ฝั่งmicrosoftน่ะครับ แต่ในอนาคตคิดว่าอยากทำiOSด้วย เลยคิดสนใจซื้อเครื่องแมค อยากทราบว่าถ้าผมซื้อเครื่องแมคแล้วใช้visual studioผ่าน boot campจะทำได้สมบูรณ์เหมือนบนเครื่องpcปกติมั้ยครับ

    ตอบลบ
  2. สามารถสมบูรณ์คับผม เพราะว่าพอเปิดวินโดว์มาก็เหมือนวินโดว์ทั่วไปเลยคับ จึงสามารถนำโปรแกรมฝั่งวินโดว์มาใช้ได้

    ตอบลบ