ฟีเจอร์ที่น่าสนใจที่สุดของ iPhone 5S คงหนีไม่พ้น Touch ID Sensor หรือเซ็นเซอร์ตรวจสอบลายนิ้วมือที่ปุ่ม Home
รายละเอียดของเซ็นเซอร์ตัวนี้คือ
- วัสดุชั้นนอกสุดเป็น sapphire crystal ส่วนวงแหวนด้านนอกทำจากสเตนเลส
- ตัวเซ็นเซอร์หนา 170 ไมครอน ความละเอียด 500 ppi สแกนลายนิ้วมือลงลึกถึงชั้นใต้ผิวหนัง
- อ่านลายนิ้วมือได้หลายนิ้ว และอ่านได้จากทุกองศาการวางนิ้ว
- เก็บข้อมูลลายนิ้วมือของผู้ใช้ไว้ในชิป A7 ที่เข้าถึงได้เฉพาะจากฮาร์ดแวร์ Touch ID เท่านั้น ซอฟต์แวร์ตัวอื่นเข้าถึงไม่ได้ และจะไม่ส่งข้อมูลลายนิ้วมือออกนอกตัวโทรศัพท์ เช่น ส่งขึ้นเซิร์ฟเวอร์ของแอปเปิล
- การใช้งานคือปลดล็อคเครื่อง และยืนยันตัวตนก่อนซื้อสินค้าบน iTunes Store, App Store, iBooks Store
- Phil Schiller ยืนยันว่าแอปเปิลจะไม่เปิด Touch ID ให้นักพัฒนาภายนอกเข้าถึงและใช้เป็นการยืนยันตัวตน
- Tim Cook ยังไม่บอกว่าแอปเปิลจะใช้ Touch ID ตัวนี้กับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ในอนาคตมากแค่ไหน แต่เขาก็ตอบว่าเราน่าจะจินตนาการว่ามันนำไปใช้ต่อได้อีกเยอะมาก
- iPhone 5s จะไม่เก็บไฟล์ภาพลายนิ้วมือลงในเครื่อง แต่จะเก็บข้อมูลลายนิ้วมือที่ประมวลผลแล้ว (fingerprint data) โดยเข้ารหัสด้วยคีย์ภายในตัวซีพียูก่อน เพื่อป้องกันปัญหาว่าต่อให้คนแกะคีย์ได้ ก็ได้ข้อมูลที่อ่านไม่รู้เรื่องไปอยู่ดี
- ผู้ใช้ Touch ID ถูกบังคับให้ตั้ง passcode สำรองเสมอ และถ้าโทรศัพท์ถูกรีบูตหรือไม่ถูกล็อคเครื่องเป็นเวลานาน 48 ชั่วโมง (กรณีเครื่องโดนขโมย) โทรศัพท์จะบล็อคการทำงานทั้งหมดและต้องปลดบล็อคด้วย passcode เท่านั้น (ใช้สแกนนิ้วไม่ได้)
- โฆษกแอปเปิลระบุว่า Touch ID เป็นเทคโนโลยีที่เหนือกว่าตัวสแกนนิ้วแบบ temperamental ที่ใช้ในโน้ตบุ๊กทั่วไป แต่ก็เตือนว่าอย่าคาดหวังว่ามันจะทำงานได้สมบูรณ์
- จากการทดสอบของแอปเปิลเอง พบว่า Touch ID ทำงานได้ไม่ดีถ้าเจอนิ้วที่เปียกหรือชื้น เช่น จากเหงื่อ โลชั่น หรือของเหลวอื่นๆ รวมถึงนิ้วที่มีรอยแผลเป็นจากอุบัติเหตุหรือการผ่าตัดด้วย
Cr : blognone.com(1) , blognone.com(2)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น