วันเสาร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2555

News (วิเคราะห์) : ภาคต่อ บทวิเคราะห์ทำไมใช้ชื่อ "The new iPad"



     หลังจากงานที่งานเปิดตัว iPad รุ่นใหม่จบลง  ประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างร้อนแรงไม่แพ้ตัวสินค้าก็คือเรื่องชื่อนั่นเอง  เพราะประเด็นนี้ได้สร้างความหงายเงิบให้บรรดานักข่าวและบล็อกเกอร์ทั้งหลายมากที่สุด  หรือเรียกว่าสร้างความ “หน้าแตก” ให้อย่างมากที่สุดนั่นเอง (ฮา)  เพราะทุกคนแทบจะฟันธง ฟันเฟิร์มลง ไปเลยว่ามันต้องใช้ชื่อ iPad 3 หรือไม่ก็ iPad HD แน่นอน !!  โดยเฉพาะชื่อ iPad HD นั้นได้รับการกล่าวขานกันอย่างมากว่าจะต้องมาเป็นชื่อใหม่อย่างแน่นอน


     แต่เมื่อวันเปิดตัวมาถึง  ชื่อที่ Apple เลือกใช้กลับกลายเป็น “The New iPad” ซะงั้น !!  ซึ่งตอนแรกทุกคนคิดว่า Apple กะจะเก็บชื่อเซอร์ไพรส์ท้ายงาน  แต่ปรากฏว่า ไม่ !! Apple จบงานไปด้วยชื่อ “The New iPad” ซะงั้น… ทุกคนเหมือนถูก Stun ไป 5 วิ  ”ห๊ะ… หา อะไรนะ สรุปว่าใช้ชื่อนี้จริงหรอ ??” แน่นอนว่าหลังจากจบงาน  ในเมื่อมันมีข้อกังขาขนาดนี้คงต้องมีการถามกันหน่อย  ซึ่งจากที่เราเคยเสนอไปแล้ว จากการไปถามจาก Phil Schiller รองประธานอาวุโสฝ่ายการตลาดของ Apple โดยตรง  ก็ได้รับคำตอบมาว่า ”because we don’t want to be predictable.” หรือก็คือ “เพราะเราไม่อยากให้มันคาดเดาได้หน่ะสิ” แต่ก็นั่นล่ะ Apple มักจะไม่ค่อยทำอะไรโดยไม่มีเบื้องหลังนัก  ผมเชื่อว่ามันจะต้องมีเบื้องหลังอย่างแน่นอน !!

     ถ้าตอนนี้ทุกคนข้าเว็บของ Apple ตอนนี้และดูในหน้า Tech Specs ของ iPad จะพบว่ากล่องของ iPad รุ่นใหม่นั้นจะมือชื่อข้างกล่องว่า “iPad” เท่านั้น  ไม่ใช่ “The New iPad” แต่อย่างใด  นั่นก็หมายความว่า Apple กลับมาเลือกใช้ชื่อ “iPad” เฉยๆ อีกครั้งหนึ่งนั่นเอง  ซึ่งถ้ามองไปยังสินค้าที่ Apple เลือกใช้ชื่อสินค้าโดยที่ไม่มีชื่อรุ่นต่อท้ายในปัจจุบัน  ก็แทบจะเรียกได้สินค้าของ Apple เกือบทั้งหมดเวลาเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่จะไม่มีชื่อรุ่นต่อท้ายเลย  ไม่ว่าจะเป็น iPod , Macbook , Macbook Air , Time Machine , Apple TV  ซึ่งสินค้ากลุ่มนี้ ผู้ใช้กับ Apple มักจะมีชื่อเล่นต่อท้ายที่รู้กันเองระหว่างผู้ใช้กับ Apple ว่ามันเป็นรุ่นไหน


     เช่นถ้าเป็นสินค้าตระกูล Mac ก็ใช้ช่วงเวลาที่ออกขายหรือเปิดตัวเป็นการเรียกต่อท้ายเพื่อป้องกันความสับสน เช่น
  • Macbook Pro Early 2011 (ต้นปี)
  • Macbook Mid 2007 (กลางปี)
  • iMac Late 2009 (ท้ายปี)


     แต่ถ้าเป็นสินค้าตระกูล iPod ซึ่งมีการออกปีละรุ่นอยู่แล้วก็จะเป็นตัวเลขลำดับการออกของสินค้า เช่น
  • iPod touch 4th Generation
  • iPod nano 1st Generation
  • iPod shuffle 3rd Generation


     แต่ก็ยังมีสินค้าอีกกลุ่มที่ Apple นั้นใส่ชื่อตามหลังมาให้ตั้งแต่เปิดตัวนั้นก็คือสินค้ากลุ่ม iPhone และ iPad  ตั้งแต่ iPhone เปิดตัวขึ้นมาก็มีชื่อรุ่นมาตลอดหลังจากรุ่นแรก
  • iPhone
  • iPhone 3G
  • iPhone 3GS
  • iPhone 4
  • iPhone 4S
  • iPad
  • iPad 2

     ซึ่งตรงนี้คำถามจึงเกิดขึ้นว่าทำไม Apple ต้องใส่ชื่อรุ่นให้กับ iPhone และ iPad ด้วย ? ซึ่งถ้าเราคงต้องมองย้อนกลับไปสินค้ากลุ่มคอมพิวเตอร์ (Mac)ก่อน  ถ้าเรามองสินค้ากลุ่มคอมพิวเตอร์ (Mac) เราจะพบว่า  การเปลี่ยนแปลงของคอมพิวเตอร์นั้น  มักจะเพิ่มเพียงแค่สเป็คเท่านั้น  เช่นแรงขึ้น เร็วขึ้น อย่างเก่งที่สุดเลยก็ Redesign ดังนั้นสินค้ากลุ่มนี้จึงไม่จำเป็นต้องมีชื่อรุ่นเพราะฟีเจอร์ที่เพิ่มมักเป็นอะไรที่ยิบย่อย  และเปลี่ยนไม่มากอยู่แล้ว


     แต่ในทางกลับกันสินค้ากลุ่มใหม่อย่าง iPhone และ iPad นั้น Apple ต้องการเป็นผู้นำให้ได้  ดังนั้นแม้กระทั่งชื่อต้องสร้างผลกระทบต่อความรู้สึกของผู้ใช้ให้ได้  เพราะเมื่อมี “ชื่อใหม่” ทุกคนก็ต้องรีบถามทันทีเลยว่า “มีอะไรใหม่บ้าง”  ต่างกับกลุ่ม Mac ที่เรามักจะพูดว่า “มีการอัพสเป็คเพิ่ม” ทุกคนก็จะถามว่า “มันอัพอะไรเพิ่มบ้าง” ซึ่งถามว่าสองคำนี้มันต่างกันมั๊ยผมว่าต่างกันเยอะ  เพราะพอถามว่ามีอะไรใหม่บ้าง เราก็มักจะนึกถึงอะไรใหม่ๆ มากกว่าการอัพสเป็คปกติ
     และถ้าเรามองมาที่ iPhone สินค้าตัวนี้มักจะเป็นตัวชูโรงเรื่อง “ฟีเจอร์ใหม่ๆ” ตลอดทุกปี  ไม่ว่าจะทาง Hardware หรือ Software เช่นการเพิ่มเข็มทิศ ,การเพิ่ม Gyroscope ,Retina Display หรือแม้กระทั่ง Siri  แต่ใน iPad นั้นไม่เหมือนกัน  ตั้งแต่ iPad เปิดตัวมามันก็ต้องวิ่งตามสเป็คของ iPhone อยู่เรื่อยๆ ไม่มีฟีเจอร์ใหม่เฉพาะของตัวเองเท่าใหร่  ซึ่งตรงนี้มันมีผลกระทบจริงๆนะครับเพราะกลายเป็นว่าทุกคนคาดหวัง “ฟีเจอร์ใหม่ๆ” จาก iPad ไปด้วย  ”ทั้งๆที่ Position มันไม่ได้วางไว้ตรงนั้น” ตั้งแต่แรก
     เพราะปีนี้ผมได้ยินเสียงบ่นจากบางคนว่า “ครั้งนี้ไม่เห็น iPad จะมีอะไรใหม่เลย” ผมก็เลยถามว่า “เฮ้ย !! Retina Display เพิ่มกล้อง 5 ล้าน เปลี่ยน CPU นี่มันไม่ใหม่เรอะ !!” เค้าก็บอกว่า Apple ควรจะมีอะไรมากกว่านี้  ซึ่งเห็นได้ชัดว่า กลายเป็นว่าเค้าคาดหวังฟีเจอร์ใหม่ๆ จาก iPad ไปด้วยเหมือนที่เค้าคาดหวังกับ iPhone ไปแล้ว….
     และอีกอย่างผมว่าตอนนี้ Apple ก็มอง Position ของ iPad เปลี่ยนไปอีกนิดหน่อยตรงที่ Apple มองว่า iPad นั้นกลายเป็นเป็นสินค้ากลุ่มคอมพิวเตอร์ (Mac) มากกว่าสินค้ากลุ่ม Mobile (iPhone) ไปแล้ว  เห็นได้ชัดว่า Apple ย้ำนักย้ำหนา  กับคำว่า Post-PC Device (ใช้งานโดยไม่พึ่งคอมพิวเตอร์เพราะมันกำลังจะกลายเป็นคอมพิวเตอร์อีกตัวหนึ่ง)  และยอดขายของ iPad เองก็เริ่มเข้ามาเบียดส่วนแบ่งในตลาด PC บ้างแล้ว

ดังนั้นการที่ Apple ตัดชื่อรุ่นของ iPad ออกไปในครั้งนี้ก็เหมือนเป็นการบอกว่า iPad จะเป็นสินค้าในตระกูลคอมพิวเตอร์กลายๆอีกตัวหนึ่งแล้วนะ  ในอนาคตเราอาจจะไม่ได้เห็นการเปลี่ยน Body รัวๆ ฟีเจอร์ใหม่ๆ(จริงๆ)ในแบบใน iPhone แต่เราจะเห็นการอัพสเป็คเรื่อยๆ (ตาม iPhone) แบบคอมพิวเตอร์ (Mac) แทน “


     แต่จริงๆ ผมก็ยังแอบมีคำถามคาใจเล็กน้อย  เพราะในการเปิดตัวครั้งนี้ Apple ดัน iPad 2 ลงไปขาย model ล่าง  แล้วในอนาคตถ้า iPad 4th Generation ออกมา Apple จะทำตลาด model ล่างยังไง ?? จะเป็น The New iPad / iPad แบบครั้งนี้หรือเปล่า ? หรือว่าจะเป็นการแตกไลน์สินค้าไปเลย (ขนาดใหม่) ซึ่งเรื่องนี้ก็ทำให้มันดูมีน้ำหนักขึ้นมาเล็กน้อย (จากที่ผมไม่เคยเชื่อเลยว่า Apple จะเปิดตัว iPad รุ่นเล็ก)


ส่วนถ้าถามว่าจะให้เรียก iPad รุ่นนี้ว่าอะไร  คงต้องบอกว่าให้เรียก  iPad 3rd Generation ล่ะครับ  เพราะมันเป็นสินค้าที่ออกปีละครั้งเช่นเดียวกับ iPod ทั้งหลายแถมในเว็ป Apple ก็เรียกแบบนี้นะจะบอกให้ อิอิ ไปค้นเจอมาทีหลัง แต่ผมก็กะจะเรียกแบบตั้งแต่แรกอยู่แล้ว 

“เป็นยังไงกันบ้างครับบทความนี้  คือจริงๆแล้วเรืองนี้ก็เป็นคาดการณ์เดาจากสาวกบ้าๆคนหนึ่งเท่านั่นล่ะครับ  ไม่นึกเหมือนกันว่าจะสาธยายออกได้ยาวขนาดนี้  เพื่อนๆมีความเห็นอย่างไรก็ลองมาแชร์กันได้นะครับ ”



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น