วันพุธที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2555

News : ผลการวัด Benchmark ของ iPad (4th generation) มาแล้ว


ยังไม่ถึงวันวางขาย ทาง Geekbench ก็ได้รับผลทดสอบ Benchmark ของ iPad (4th generation) แล้ว โดยใช้ชื่อรุ่น iPad3,4 รายละเอียดใน iPad รุ่นใหม่ ใช้ชิพดูอัลคอร์ A6X ที่ 1.4 GHz มาพร้อมแรม 1GB เท่ากับ iPad (3rd generation) และ iPhone 5
คะแนน iPad รุ่นใหม่ได้ไป 1757 คะแนน มากกว่า iPhone 5 ที่ 1571 คะแนน แน่นอนว่าแซง iPad 2 และ iPad (3rd generation) ที่ 780 และ 791 คะแนนตามลำดับไปได้อย่างสบาย ๆ
ที่มา - Primatelabs
ipad34 small

วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555

News : แอปเปิลประกาศปรับทีมบริหารครั้งใหญ่: หัวหน้าฝ่าย iOS โดนเด้ง ส่วน Ive หันมาดูแล UI


             เมื่อสักครู่ที่ผ่านมานี้แอปเปิลได้ออกมาประกาศว่าบริษัทจะมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งบริหารครั้งใหญ่ โดยการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้รองประธานฝ่ายค้าปลีกนาย John Browett ได้ออกจากตำแหน่งทันที ส่วน Scott Forstall รองประธานฝ่าย iOS จะออกจากตำแหน่งภายในปีหน้า (รายงานเก่า: Forstall กำลังเป็นปัญหาของแอปเปิล) ส่วน Jony Ive, Bob Mansfield, Eddy Cue และ Craig Federighi ได้รับหน้าที่และความรับผิดชอบเพิ่มขึ้น
              สำหรับรายละเอียดการปรับตำแหน่งและหน้าที่ของทีมบริหารของแอปเปิล เพื่อความสะดวกในการอ่าน ขอรายงานแบ่งเป็นข้อ ๆ ทีละตำแหน่งตามนี้เลยนะครับ

  • Jony Ive ที่ปัจจุบันรับตำแหน่งเป็นหัวหน้าฝ่าย Industrial Design ที่ไม่มีใครในบริษัทสามารถสั่งเขาได้โดยตรง (ตามที่สตีฟ จ็อบส์ต้องการ) ได้รับหน้าที่เพิ่มเป็นหัวหน้าทีม Human Interface และการออกแบบ UI

  • Eddy Cue รองประธานฝ่ายซอฟต์แวร์และบริการอินเทอร์เน็ตของแอปเปิล ผู้ที่ดูแล iCloud ตอนนี้จะเป็นคนรับผิดชอบ Siri และ Maps ที่ก่อนหน้านี้อยู่ภายใต้การดูแลของทีม iOS ของ Scott Forstall

  • Craig Federighi รองประธานฝ่ายวิศวกรรมซอฟต์แวร์สำหรับแมค (OS X) ตอนนี้จะได้ดูแลซอฟต์แวร์ทั้งบน iOS และ OS X โดยก่อนหน้านี้ Scott Forstall ดูแล iOS

  • Bob Mansfield รองประธานฝ่ายวิศวกรรมฮาร์ดแวร์ของแมคตอนนี้ได้ถูกเปลี่ยนมานำทีม Technologies ซึ่งเป็นทีมใหม่ในแอปเปิลที่จะรับหน้าที่ในการสร้างนวัตกรรมเกี่ยวกับเทคโนโลยีไร้สายและเซมิคอนดักเตอร์

  • Scott Forstall รองประธานฝ่ายซอฟต์แวร์ iOS จะออกจากตำแหน่งปัจจุบันของเขาภายในปีหน้า โดยตอนนี้เขาจะได้รับหน้าที่เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวให้กับทิม คุก ก่อนหน้านี้เขาเคยเป็นหนึ่งในคนที่สตีฟอาจจะเลือกรับหน้าที่เป็นซีอีโอแทนเขา แต่ระยะหลัง ๆ นี้ Forstall ไม่ได้มีผลงานที่น่าชื่นชมเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปล่อย Siri ออกมาทั้ง ๆ ที่มันยังไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ และซอฟต์แวร์แผนที่ของแอปเปิลที่ไม่มีคุณภาพที่ดีพอ นอกจากนี้ Forstall เป็นหนึ่งในผู้ที่นิยมการออกแบบ UI ให้ออกมาเสมือนกับวัตถุในชีวิตจริง (skeuomorphic design) ที่เราเคยรายงานไปก่อนหน้านี้แล้ว และตอนนี้ Jony Ive จะกลับเข้ามาดูแลเรื่อง UI โดยตรงแทน

               


  • ส่วน John Browett รองประธานฝ่ายค้าปลีกที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งกับแอปเปิลได้ไม่ถึงปี จะลงจากตำแหน่งดังกล่าวทันที และทิม คุก จะเข้ามาดูแลเรื่องการค้าปลีกของแอปเปิลเองชั่วคราวจนกว่าจะหาบุคลากรอื่นมาแทนที่ได้ เชื่อว่าสาเหตุในการให้ออกของ Browett น่าจะเกิดจากการที่เขาเคยสั่งปลดพนักงานฝ่ายขายจำนวนหนึ่ง เพื่อที่จะเพิ่มกำไรให้กับแอปเปิล

ที่มา - Apple PR ผ่านทาง MacRumors

วันเสาร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2555

Review : iPod touch (5th Generation)


        หลังจากที่เปิดตัวไปเมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา iPod touch (5th Generation) ถือได้ว่าเป็นพระเอกของงานก็ว่าได้ เพราะรูปร่างที่สวยงามตั้งแต่แรกเห็น แถมบางลงเหลือเพียง 6.1 มม.เท่านั้น อีกทั้งยังมีสีสันให้เลือกถึง 6 สี รวมทั้งสีแดง (PRODUCT) RED ที่ครั้งนี้จะมารีวิวให้ดูกัน เพื่อช่วยในการตัดสินใจสำหรับใครที่กำลังดูๆครับ :)


         สำหรับ iPod touch (5th Generation) ที่สั่งมาครั้งนี้สั่งจาก Apple Stores Online TH ซึ่งตอนส่งมาจะส่งมาทาง DHL จะมาส่งให้เราถึงบ้านเลยครับผม กล่องที่ได้จะเป็นกล่องสีน้ำตาลดังรูปครับ




          
         เมื่อเราแกะกล่องออกมาจะเจอกล่องใส่่ iPod touch ห่อด้วยกระดาษสีขาวอีกชั้นหนึ่ง หลังจากแกะกระดาวขาวออกจะเจอกล่องใสๆเห็นเครื่อง iPod อยู่


       ซึ่งอุปกรณ์ในกล่องมีดังนี้
  • iPod touch (5th Generation) 
  • สาย Lightning (ไม่มีตัว Adapter)
  • หูฟัง Apple EarPods (ไม่มีรีโมทและไมค์ที่สาย) 
  • iPod touch loop (สีตามเครื่อง)
  • คู่มือการใช้งาน




ด้านสเปก

         iPod touch (5th Generation) จุดเด่นก็คือมีหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นเป็น 4 นิ้ว Retina display ใช้หน้าจอแบบ IPS Capacitive Touchscreen ความละเอียด 1366x640 พิกเซล (326 ppi) อัตราส่วนแบบ 16 : 9 Widescreen 


        ส่วน CPU ที่ใช้ก็จะเป็น Apple A5 (ความเร็ว 800Hz แรม 512 MB) CPU แบบเดียวกับที่ใช้ใน iPhone 4S นั้นเองครับ ทำให้ไม่ต้องกังวลถึงประสิทธิภาพเลย เนื่องจากสามารถรัน iOS 6 ได้อย่างไม่มีปัญหากระตุกเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งรองรับ Wifi 802.11a/b/g/n Bluetooth 4.0 


รูปลักษณ์ภายนอก



      บอกได้เลยครับว่าเป็น iDevice ที่สวยงามมากเครื่องหนึ่ง ด้วยตัวเครื่องที่บางเพียง 6.1 มม.เมื่อเทียบกับ iPhone 4S (9.3 มม.) แล้วจะเห็นได้บางแค่ไหนครับ และยังมีสีสันให้เลือกมากถึง 6 สี และแต่ละสีนั้นบอกได้เลยว่าสวยงามมากๆ ขอบของตัวเครื่องด้านบนก็มีการเจียระไนขอบลักษณะคล้ายกับ iPhone 5 แต่อาจจะดูไม่เงาเท่า iPhone 5 เพราะว่าได้ทาสีทับไว้นั้นเอง เมื่อดูกระทบแสงไฟก็จะพบว่าขอบที่เจียระไนนั้น สวยงามทีเดียวครับ


ด้านการใช้งาน




       ขณะใช้งานนั้นสามารถจับได้อย่างถนัดมือและสามารถใช้มือเดียวในการเล่นหรือพิมพ์ได้แม้ว่าจอจะใหญ่ขึ้นมาเป็น 4 นิ้ว แต่เนื่องด้วยที่ขยายขนาดทางด้านยาวจึงทำให้การใช้งานไม่ต่างจากเดิมเท่าไรครับ  เมื่อลองเทียบขนาดดูกับจอ 3.5 นิ้วของ iPhone 4S แล้ว ก็จะเห็นว่ายาวขึ้นพอสมควร ผู้ใช้ที่นิ้วสั้นอาจจะมีปัญหาเล็กน้อยครับ ;) เรื่องของน้ำหนักของตัวเครื่อง มีน้ำหนักเบามากครับไม่ถึง 1 ขีดเพียง 88 กรัมเท่านั้นครับ 



iPod touch loop





        
         iPod touch loop นับเป็นอีกหนึ่ง Accessory ใหม่ของ iPod touch ซึ่งเราก็จะได้แถมมาในกล่องด้วย ซึ่งจะได้สีเหมือนกับ iPod ที่เราซื้อ ที่สายก็จะพิมพ์คำว่า "Designed by Apple in California Assembled in China" แต่ถ้าใครอยากได้เพิ่มก็สามารถไปซื้อได้ในราคา 350 ต่อ 1 ชุด (1 ชุดจะได้สีที่เราซื้อและสีขาวอีก 1 เส้น) 
        iPod touch loop จะช่วยในเรื่่องของความมั่นใจว่ามันจะไม่ตกลงพื้นได้ง่ายๆ เพียงกดปุ่มที่อยู่ท้ายหลังเครื่อง ปุ่มก็จะนูนออกมา ใส่สายลงไป แล้วคล้องสายไว้ในมือ เท่านี้ iPod ของเราก็จะไม่ตกลงไปนอนพื้นได้ง่ายๆอีกแล้ว
       เท่าที่ลองใช้งานดูก็รู้สึกได้ถึงความมั่นคงของสาย ที่ไม่หลุดได้ง่ายๆออกจากตัวเครื่อง แต่ก็อย่าเหวี่ยงเล่นแล้วกันนะครับ :)


Apple EarPods




       หลังจากที่ได้ทดลองฟังเสียงแล้วบอกได้คำเดียวว่า "ดีมาก" คุณภาพเสียงนุ่ม ทุ้ม ฟังแล้วลื่นหูมากครับ แถมเค้าดีไซน์ตัวหูฟังออกมาได้เหมาะกับหูมนุษย์ เมื่อพอใส่หูไปแล้ว ไม่หลุดง่ายเหมือนแต่ก่อนครับ

      แต่ว่าทำไมของ iPod touch ไม่ยอมให้ไมค์และปุ่มคอลโทรลมาด้วยก็ไม่รู้ครับ คือเป็นแค่สายหูหังเฉยๆ ไม่มีปุ่มและไมค์แต่อย่างใด เกือบดีแล้วเชียว!!!


พอร์ตและสายชาร์ต Lightning



หูฟัง      Lightning port         ลำโพง



         สายชาร์ตแบบใหม่ที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ใช้สายนี้สามารถบางลงได้ อันนี้เป็นหนึ่งในข้อดีที่ทำให้ iPod touch ตัวนี้บางได้ถึง 6.1 มม. แต่ที่แถมมาในกล่องไม่มีตัว Adapter สำหรับเสียบปลั๊กมาให้นะครับ อีกด้านเป็นหัว USB ใครที่มี Adapter ของ iPhone รุ่นก่อนๆก็สามารถใช้ได้เหมือนกันครับ ส่วนใครที่ไม่มีก็สามรถชาร์ตกับคอมพิวเตอร์แทนได้ครับผม


Application 





สำหรับ Application ที่ไม่รองรับขนาดหน้าจอใหม่ก็จะขึ้นเป็นขอบดำทั้งสองข้างดังรูป


ขนาดหน้าจอที่ยาวขึ้นก็ทำให้บาง App มีหน้าตาที่ต่างไปจากปกติ เช่น App Weather 


Siri

ถือว่าเป็น iPod touch รุ่นแรกที่สามารถใช้ Siri ได้ ถ้าว่างๆไม่รู้ว่าจะพูดอะไรก็ลองคุยกับ Siri ว่า
 "What can i do"

Apple Map


          ในตัวของ iPod touch (5th Generation) นั้นก็สามรถใช้ 3D ได้อย่างไม่มีปัญหา ค่อนข้างลื่น แต่ไม่สามารถใช้ Turn-by-Turn ได้ หากใช้เป็นการนำทางก็จะขึ้นเป็นป้ายดังรูปด้านบน โดยเราจะต้องเลื่อนเองและไม่มีเสียงพูดนำทาง



จอภาพ



         จะเห็นได้ว่าจอภาพรุ่นใหม่ที่ใช้กับ iPhone 5 และ iPod touch (5th Generation) นั้นให้สีที่สดกว่าเดิมทำให้การแสดงผลเกมหรือภาพจากการถ่ายดูสวยงามขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และยังให้ความสว่างที่มากกว่าเดิมด้วย

สีของจอภาพไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ไม่ผิดเพี้ยนครับ



กล้อง


        iPod touch รุ่นนี้มาพร้อมกับกล้องหลังขนาด 5 ล้านพิกเซลแบบ iSight cameraส่วนกล้องหน้าก็ขยับมาเป็น 1.2 ล้านพิกเซลซึ่งมากกว่า iPhone 4S เสียอีก เมนูกล้องก็ต่างไปจากเดิม เนื่องจากมีหน้าจอที่ยาวขึ้นครับ

      กล้องหลังสามารถบันทึกวิดีโอได้แบบ Full HD (1080p) 30 เฟรมต่อวินาที ส่วนกล้องหน้าบันทึกวิดีโอได้แบบ HD (720p) 30 เฟรมต่อวินาที

      รุ่นนี้ยังเป็นรุ่นแรกที่มาพร้อมกับ LED flash ซึ่งจะช่วยในการถ่ายภาพในที่มืดมีประสิทธิภาพมากขึ้นครับ อีกทั้งยังมาครบทั้งการถ่ายแบบ Panorama ระบบกันสั่นขณะถ่ายวิดีโอ ระบบตวรจจับใบหน้า Auto focus และ tap to focus

       ทางเราก็ยังได้ทดลองถ่ายทั้งภาพและวิดีโอเปรียบเทียบกับ iPhone 4S มาให้ได้ชมกันด้วยครับ

iPod touch Gen 5                                   iPhone 4S


 iPod touch Gen 5                                   iPhone 4S

  iPod touch Gen 5                                   iPhone 4S

 iPod touch Gen 5

iPhone 4S

  iPod touch Gen 5                                   iPhone 4S             
                   
        ผลจากการลองถ่ายภาพเปรียบเทียบกับ iPhone 4S ซึ่งมีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ก็ย่อมได้ผลว่า iPhone 4S ได้ภาพที่ชัดกว่า แต่ถ้าพูดถึงเรื่องสีสันของภาพจะเห็นได้ว่า iPod touch (5th Generation) นั้นจะให้ภาพที่สดกว่า ยิ่งเมื่อดูจากจอภาพของ iPod touch เองแล้วที่มีการแสดงผลให้สีของจอที่สดใสกว่าเดิม ก็ยิ่มทำให้ดูมีสีสันมากกว่า

     ผลการถ่ายภาพในที่มืด iPhone 4S ก็เก็นรายละเอียดได้ดีกว่าแต่ถาพจะดูสีจืดกว่า iPod touch ในส่วนของการถ่าย Panorama ภาพจาก iPod touch ค่อนข้างแย่ จะเห็นว่าภาพจะมืดมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด


ในส่วนการถ่ายวิดีโอ


ด้านบนเป็น iPhone 4S ด้านล้างเป็น iPod touch


การถ่ายวิดีโอถือว่าทำได้ดีใกล้เคียงกับ iPhone 4S แต่อาจจะคมชัดน้อยกว่าเพราะพิกเซลน้อยกว่านั่นเอง


ประสิทธิภาพด้านเสียง



          ด้านของคุณภาพเสียงเมื่อเปิดออกลำโพง หากเทียบกับ iPhone 4S แล้วถือว่ายังด้อยอยู่พอสมควร  แต่ก็ดีกว่า iPod touch รุ่นก่อนหน้า แต่ฟังเพลงผ่าน Apple Earpods แล้วจะได้คุณภาพเสียงที่ดีมาก อันนี้ต้องยกความดีความชอบให้ Apple Earpods


แบตเตอรี่

      ทาง Apple เครมว่าสามรถเล่นเพลงได้ถึง 40 ชม. เล่นวิดีโอได้ 8 ชม. หลังชาร์ตเต็ม และสามารถชาร์ตได้ 80% ในเวลา 2 ชม.และเต็มในเวลา 4 ชม.(จาก 0%) 
     ซึ่งจากการใช้งานแบตเตอรี่ก็สามรถใช้ได้นานพอสมควร แต่ก็ยังไม่เห็นผลชัดเจนว่าแบตอึดขนาดไหน 


ประสิทธิภาพ CPU A5



        เนื่องด้วยใช้ CPU Apple A5 ที่เป็น Dual-core จึงทำให้รันเกมใหญ่ๆหนักเช่น Infinity Blade , Aphalt 6 ได้อย่างลื่นไหล ไม่มีปัญหากระตุกให้เห็น 



ข้อด้อย
  • ไม่มีระบบสั่น
  • ไม่มีเซ็นเซอร์ปรับแสงหน้าจออัตโนมัติ (Ambient light sensor)
  • การถ่ายภาพแบบ Panorama ในที่แสงน้อยยังได้ภาพที่ไม่ค่อยดีนัก
  • กล้องด้านหลังนูนออกมาค่อนข้างเยอะ เสี่ยงต่อการกระแทก


 (PRODUCT) RED


           หลายคนสงสัยว่า(PRODUCT) RED คืออะไร (PRODUCT) RED คือผลิตภัณฑ์ที่จะนำรายได้ส่วนหนึ่งไปช่วยผู้ป่วยเอดส์ในแอฟริกา ผลิตภัณ์ของ Apple ที่เข้าเข้าร่วมเป็น (PRODUCT) RED จะมี iPod touch , iPod Shuffle , iPod nano , iPad Smart Cover , iPad Smart Case , iPhone 4S Bumper โดย (PRODUCT) RED ของ Apple ขะต้องสั่งผ่านทาง Apple Stores Online เท่านั้นครับ

          ถ้าใครเลือกไม่ถูกว่าจะใช้สีไหนดี ก็แนะนำเป็นสีแดง (PRODUCT) RED แล้วกันนะครับ ถือว่าเป็นการทำบุญไปด้วยครับผม :)



รีวิวโดย  :  Apple News Thailand























































วันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2555

News : ฮิตจัด!! iPad Mini ยอดจองเต็มภายใน 2 นาทีที่ฮ่องกง



        มาติดตามอีกหนึ่งความฮอตฮิตของแท็บเล็ตรุ่นเล็กจาก Apple ที่เพิ่งเปิดตัวไปได้ไม่นานกับ iPad mini ซึ่งนอกจากกระแสของข่าวลือและการเปิดตัวที่เรียกได้ว่าได้รับความสนใจจากสาวก Apple ทั่วโลกอย่างล้นหลามแล้วนั้น กระแสของการสั่งจองก็ได้รับการตอบรับที่ดีเยี่ยมไม่แพ้กัน
       โดยล่าสุดได้มีรายงานข่าวจากแหล่งข่าวในต่างประเทศที่ออกมาระบุว่า Apple Online Store ในประเทศฮ่องกงนั้นหลังจากที่ได้ทำการเปิดให้ได้สั่งจองหรือ Pre-Order บนหน้าเว็บในเวลา 15.oo น. (ตามเวลาท้องถิ่นประเทศฮ่องกง) ได้เพียง 2 นาทีเท่านั้น ปรากฎว่าบนหน้าเว็บของ  Apple Online Store ในประเทศฮ่องกงได้ขึ้นข้อความ Sold out  หรือสินค้าขายหมดจนไม่สามารถสั่งจองกันได้อีก และจากปรากฎการณ์ดังกล่าวจึงทำให้เกิดข้อสงสัยว่าเหตุใด  Apple Online Store ในประเทศฮ่องกงถึงขึ้นข้อความดังกล่าว ทั้งที่ในประเทศฮ่องกงน่าจะเป็นตลาดใหญ่สำหรับสาวก Apple ดังนั้นจึงน่าจะมีจำนวนสินค้าเตรียมมาจำหน่ายเป็นจำนวนมาก หรืออาจเป็นเพราะปริมาณความต้องการของลูกค้ามีมากจนเกินจำนวนสินค้าที่อยู่ในสต๊อก เลยปรากฎข้อความดังกล่าวก็เป็นได้ ต้องลองมาติดตามกันต่อไปว่า ในประเทศไทยของเรานั้น จะมีปรากฎการณ์เหมือนดังเช่นในฮ่องกงหรือไ่ม่ และจะเริ่มเปิดจองกันได้เมื่อใด

วันพฤหัสบดีที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2555

News : ราคา iPhone 5 เป็นทางการมาแล้ว เครื่องเปล่าราคาเริ่มที่ 24,550 บาท (อัพเดท: ราคาเครื่องพร้อมแพ็กเกจ)


หลังจากที่ truemove H ได้เปิดหน้าเว็บรอบเช้ามาอีกครั้งก็ได้เผยราคาเครื่องเปล่า iPhone 5 ให้เราได้ทราบกันแล้ว ซึ่งราคาก็แพงขึ้นกว่าเดิมตามคาด
สำหรับ iPhone 5 เครื่องเปล่าที่ truemove H ประกาศออกมาและคาดว่าอีก 2 รายที่เหลือก็คงมีราคาเดียวกัน มีดังนี้
  • รุ่น 16GB – 24,550 บาท
  • รุ่น 32GB – 28,250 บาท
  • รุ่น 64GB – 31,950 บาท
สำหรับราคาเครื่องพร้อมแพ็กเกจของ truemove H 
  • รุ่น 16GB – 23,677 บาท (ลด 873 บาท)
  • รุ่น 32GB – 27,283 บาท (ลด 967 บาท)
  • รุ่น 64GB – 30,807 บาท (ลด 1143 บาท)
*ราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว

วันพุธที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2555

News : แอปเปิลลดราคา iPad 3 ขายในหมวด refurbished, บางสโตร์รับเปลี่ยน iPad 3 เป็นเครื่องใหม่หากซื้อไม่เกิน 30 วัน


         ในงานเปิดตัวที่ผ่านมา แอปเปิลช็อกผู้ใช้ iPad รุ่นก่อนหน้าด้วยการเปิดตัว iPad 4 มาถึงตรงนี้หลายคนอาจสงสัยแล้วว่า iPad รุ่นก่อนหน้านั้นหายไปไหน เนื่องจากในงานเปิดตัวก็ไม่ได้พูดถึงมันเลย

         ตอนนี้แอปเปิลเฉลยแล้วว่า iPad 3 (หรือที่เราคุ้นกันในชื่อ New iPad) นั้นไม่ได้หายไปไหน แต่ย้ายไปขายในส่วน refurbished (เครื่องซ่อม) ของแอปเปิลแทน และลดราคาลงเหลือ 379 ดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับรุ่น Wi-Fi 16GB ส่วนรุ่น Wi-Fi+Cellular ลดเหลือ 509 ดอลลาร์สหรัฐฯ
ซึ่งสำหรับในประเทศไทย ราคาล่าสุดที่ขายกันเป็นดังนี้

16GB Wifi 14,900 ฿ ( จากเดิม 16,500 ฿)
32GB Wifi 17,900 ฿ ( จากเดิม 19,500 ฿ )
64GB Wifi 20,900 ฿ ( จากเดิม 22,500 ฿ )

16GB Wifi+Cellular 18,900 ฿ ( จากเดิม 20,500 ฿ )
32GB Wifi+Cellular 21,900 ฿ ( จากเดิม 23,500 ฿ )
64GB Wifi+Cellular 24,900 ฿ ( จากเดิม 26,500 ฿ )
ราคานี้ มีผลตั้งแต่วันนี้เลยครับ(ข้อมูลจาก U-Store)
ำหรับบางประเทศ แอปเปิลประกาศให้ผู้ที่เพิ่งซื้อ iPad 3 ไปได้ไม่ถึง 30 วัน สามารถนำเครื่องดังกล่าวมาเคลมเป็น iPad 4 ได้ แต่ไม่ได้ระบุว่าที่ไหนสามารถเคลมได้บ้าง ใครที่เพิ่งซื้อลองติดต่อ Apple Store ดูครับ (แต่บ้านเราน่าจะไม่ได้)



วันอังคารที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2555

Update : สรุปงาน Apple Special Event เปิดตัว iPad mini

จบแล้วกับงาน Apple Special Event  ที่โรงหนัง California Theatre เมื่อคืนนี้ ซึ่ง Apple ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ขนาดเล็กตามคำโปรยของงาน"We're got a little more to show you" ดังนี้ 

  • iBook 3.0
  • MacBook Pro With retina display 13" 
  • new iMac 
  • new Mac mini 
  • iPad 4th Generation (iPad with retina display)
  • iPad mini 
  • iPad mini Smart Cover
ซึ่งรายละเอียดการอัพเดทต่างๆมีดังนี้

iBook 3.0

เพิ่ม continuos page scrolling เลื่อนหน้าลงทางด้านล่างได้
iCloud support 
integration with iOS 6’s sharing options เช่น Facebook, Twitter ฯลฯ

Apple Releases iBooks 3.0 In The App Store With Continuous Scrolling, iCloud Integration, iOS 6 Sharing


       
Apple Releases iBooks 3.0 In The App Store With Continuous Scrolling, iCloud Integration, iOS 6 Sharing


Apple Releases iBooks 3.0 In The App Store With Continuous Scrolling, iCloud Integration, iOS 6 Sharing



MacBook Pro With retina display 13"

เปิดตัวชิงตัดหน้า iPad Mini แล้ว กับ Retina MacBook Pro 13" ที่มีข่าวลือมาในช่วงหลายสัปดาห์ก่อนหน้านี้
การออกแบบของ Retina MacBook Pro 13" เรียกได้ว่าเหมือนกับรุ่นพี่ 15" แต่ย่อขนาดให้เล็กลงเท่านั้น ส่วนสเปคมีดังนี้
  • หน้าจอขนาด 13" ความละเอียด 2560x1600 พิกเซล (227 PPI)
  • ใช้ซีพียูรหัส Ivy Bridge Core i5 อัพเป็น Core i7 ได้ จีพียูเป็น Intel HD 4000
  • SSD เริ่มต้น 128GB (อัพได้สูงสุด 768GB) แรม 8GB
  • ตัวเครื่องบางลง 20% เหลือ 19 มม. หนักเพียง 1.58 กก. แบตเตอรี่อยู่ได้ 7 ชั่วโมง
  • ชาร์จผ่าน MagSafe 2 พอร์ตมี Thunderbolt สองพอร์ต และ USB 3
ราคาเริ่มต้นของรุ่นที่ใช้ Core i5 2.5GHz SSD 128GB แรม 8GB อยู่ที่ 1,699 ดอลลาร์สหรัฐฯ เริ่มขายวันนี้ ส่วนราคาของไทยมีสองโมเดลเปิดราคาที่ 56,900 บาท และ 66,900 บาทครับ
rMBP 13"

สองรุ่นตระกูล rMBP

The new iMac

นอกจากฝั่ง Retina MacBook Pro แล้วทางฝั่งเดสก์ท็อปของแอปเปิลก็มีรุ่นใหม่มาเปิดตัวเช่นกัน พาเหรดมาพร้อมกันทั้ง iMac และ Mac Mini รวดเดียวเลย
iMac รุ่นใหม่เรียกได้ว่าปรับหน้าตาตัวเครื่องไปไม่มาก สิ่งที่เปลี่ยนไปมากคือความบางของหน้าจอที่บางกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่างมาก ขอบหน้าจอบางเพียง 5 มม. เท่านั้น บางกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 80% ส่วนอื่นๆ บางลง 45% และ iMac รุ่นนี้ยังตัดไดร์ฟดีวีดีออกไปแล้ว ส่วนสเปคอื่นๆ มีดังนี้
  • มีสองขนาดหน้าจอ 21.5" ความละเอียด 1920x1080 พิกเซล และ 27" ความละเอียด 2560x1440 พิกเซล
  • ซีพียูรหัส Ivy Bridge Core i5 และ Core i7
  • จีพียู NVIDIA รหัส Kepler (รุ่น GT 640M ไปจนถึง GTX 675M)
  • ใช้ Fusion Drive หรือการทำงานร่วมกันระหว่าง SSD และ HDD ทำให้ได้ความเร็วในการใช้งานใกล้เคียงกับ SSD (โดยรวมแล้วเหมือนกับ Hybrid Drive ครับ) ความจุเป็น HDD 1TB หรือ 3TB และ SSD 128GB
  • พอร์ต USB 3.0 สี่พอร์ต, Thunderbolt กล้องหน้า FaceTime HD และไมค์คู่
iMac รุ่นหน้าจอ 21.5" เปิดราคาที่ 1,299 ดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนรุ่นหน้าจอ 27" เปิดราคาที่ 1,799 ดอลลาร์สหรัฐฯ เริ่มขายเดือนธันวาคมนี้ ส่วนราคาไทยรุ่น 21.5" เปิดมาที่ 42,900 บาท รุ่น 27" 55,900 บาท ส่วนใครที่จะใช้ Fusion Drive ต้องจ่ายเพิ่มอีกครับ




   

The new Mac mini

อีกรุ่นเล็กน้อยที่เปิดตัวมาพร้อมกันคือ Mac Mini ที่หน้าตาโดยรวมเหมือนเดิม (เหมือนจะเล็กลงนิดหน่อย) มาครั้งนี้ปรับเพิ่มพอร์ต USB 3.0 เข้ามา และอัพสเปคเป็น Ivy Bridge ตามรอบของอินเทลครับ 




รุ่นปกติเปิดราคาเริ่มต้นมาที่ 599 ดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนรุ่นเซิร์ฟเวอร์เปิดราคามาที่ 999 ดอลลาร์สหรัฐฯ เริ่มขายวันนี้ครับ

iPad 4th Generation (iPad with retina display)

ในงาน Apple เมื่อคืนนอกจากจะเปิดตัว iPad mini แล้วยังยังเปิดตัว iPad รุ่นที่ 4 อีกด้วย เป็นการนำเอา The New iPad มาอัพเกรดเพิ่มสเป็คจาก CPU ที่ใช้ A5X เปลี่ยนมาเป็น A6X แรงระดับ Quad Core ที่แรงกว่าเดิมถึง 2 เท่าถือได้ว่าแรงกว่า iPhone 5 ที่ใช้ A6 เสียอีก
นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงกล้องหน้าให้เป็น FaceTime HD camera รองรับการถ่าย VDO ที่ 720p อีกด้วย ส่วนภาพนิ่งถ่ายได้ความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล มีการปรับเปลี่ยน Wifi เป็นแบบ Ultrafast wireless รับสัญญาณที่แรงเร็วกว่าเดิม นอกจากนี้ยังติดตั้งพอร์ท Lightning เข้าไปแทนแบบเดิมแล้ว ใช้งานต่อเนื่องได้ 10 ชั่วโมง
iPad รุ่นที่ 4 นี้ทาง Apple ได้เปลี่ยนชื่อจาก New iPad เป็น iPad with Retina Display จะเปิดจองผ่านเว็บในวันที่ 26 ตุลาคมนี้ และจะวางจำหน่ายตามร้านในวันที่ 2 พฤศจิกายนนี้สำหรับรุ่น Wifi ส่วนรุ่น Wifi + 4G จะเริ่มวางจำหน่ายกลางเดือนหน้า เช่นเดียวกับ iPad mini สำหรับราคารุ่นต่างๆมีดังนี้
  • iPad with Retina Display Wi-Fi 16GB ราคา $499
  • iPad with Retina Display Wi-Fi 32GB ราคา $599
  • iPad with Retina Display Wi-Fi 64GB ราคา $699
  • iPad with Retina Display Wi-Fi + 4G 16GB ราคา $629
  • iPad with Retina Display Wi-Fi + 4G 32GB ราคา $729
  • iPad with Retina Display Wi-Fi + 4G 64GB ราคา $829

iPad mini

เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วกับแท็บเล็ตรุ่นเล็กของแอปเปิลในชื่อ iPad mini ตามข่าวลือที่มีมาอย่างยาวนาน และก็ออกมาหน้าตาอย่างที่ว่า ใช้ฝาหลังเป็นอลูมิเนียมสองสีเงิน และดำ
ส่วนที่เปลี่ยนแปลงไปจากซีรีส์ iPad ก่อนหน้าคือขนาดหน้าจอที่เล็กลงราว 40% บนหน้าจอขนาด 7.9" บนความละเอียด 1024x768 พิกเซล (162 PPI) เท่ากับ iPad รุ่นแรก และ iPad 2 นั่นเอง ส่วนสเปคอื่นๆ มีดังนี้ครับ
  • ซีพียู Apple A5
  • มาพร้อมกับ iOS 6
  • กล้องหลัง 5 ล้านพิกเซล และกล้องหน้า FaceTime HD
  • มีทั้งรุ่น Wi-Fi และรุ่น Wi-Fi+Cellular
  • ตัวเครื่องหนา 7.2 มม. แบตเตอรี่อยู่ได้ 10 ชั่วโมง
  • Wifi เป็นแบบ Ultrafast wireless 
  • รองรับ Siri
  • ตัวเครื่องเบากว่า iPad 53% เหลือเพียง 308 กรัม


แอปเปิลระบุว่า iPad mini จะเริ่มขาย 2 พฤศจิกายนนี้ ราคาเริ่มต้นที่ 329 ดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับรุ่น Wi-Fi และ 459 ดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับรุ่น Wi-Fi+Cellular ที่จะวางขายทีหลังประมาณสองสัปดาห์ครับ

         

iPad mini Smart Cover








Cr : blognone.com, flashfly.com, cultofmac.com