วันเสาร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2555

Review : iPod touch (5th Generation)


        หลังจากที่เปิดตัวไปเมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา iPod touch (5th Generation) ถือได้ว่าเป็นพระเอกของงานก็ว่าได้ เพราะรูปร่างที่สวยงามตั้งแต่แรกเห็น แถมบางลงเหลือเพียง 6.1 มม.เท่านั้น อีกทั้งยังมีสีสันให้เลือกถึง 6 สี รวมทั้งสีแดง (PRODUCT) RED ที่ครั้งนี้จะมารีวิวให้ดูกัน เพื่อช่วยในการตัดสินใจสำหรับใครที่กำลังดูๆครับ :)


         สำหรับ iPod touch (5th Generation) ที่สั่งมาครั้งนี้สั่งจาก Apple Stores Online TH ซึ่งตอนส่งมาจะส่งมาทาง DHL จะมาส่งให้เราถึงบ้านเลยครับผม กล่องที่ได้จะเป็นกล่องสีน้ำตาลดังรูปครับ




          
         เมื่อเราแกะกล่องออกมาจะเจอกล่องใส่่ iPod touch ห่อด้วยกระดาษสีขาวอีกชั้นหนึ่ง หลังจากแกะกระดาวขาวออกจะเจอกล่องใสๆเห็นเครื่อง iPod อยู่


       ซึ่งอุปกรณ์ในกล่องมีดังนี้
  • iPod touch (5th Generation) 
  • สาย Lightning (ไม่มีตัว Adapter)
  • หูฟัง Apple EarPods (ไม่มีรีโมทและไมค์ที่สาย) 
  • iPod touch loop (สีตามเครื่อง)
  • คู่มือการใช้งาน




ด้านสเปก

         iPod touch (5th Generation) จุดเด่นก็คือมีหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นเป็น 4 นิ้ว Retina display ใช้หน้าจอแบบ IPS Capacitive Touchscreen ความละเอียด 1366x640 พิกเซล (326 ppi) อัตราส่วนแบบ 16 : 9 Widescreen 


        ส่วน CPU ที่ใช้ก็จะเป็น Apple A5 (ความเร็ว 800Hz แรม 512 MB) CPU แบบเดียวกับที่ใช้ใน iPhone 4S นั้นเองครับ ทำให้ไม่ต้องกังวลถึงประสิทธิภาพเลย เนื่องจากสามารถรัน iOS 6 ได้อย่างไม่มีปัญหากระตุกเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งรองรับ Wifi 802.11a/b/g/n Bluetooth 4.0 


รูปลักษณ์ภายนอก



      บอกได้เลยครับว่าเป็น iDevice ที่สวยงามมากเครื่องหนึ่ง ด้วยตัวเครื่องที่บางเพียง 6.1 มม.เมื่อเทียบกับ iPhone 4S (9.3 มม.) แล้วจะเห็นได้บางแค่ไหนครับ และยังมีสีสันให้เลือกมากถึง 6 สี และแต่ละสีนั้นบอกได้เลยว่าสวยงามมากๆ ขอบของตัวเครื่องด้านบนก็มีการเจียระไนขอบลักษณะคล้ายกับ iPhone 5 แต่อาจจะดูไม่เงาเท่า iPhone 5 เพราะว่าได้ทาสีทับไว้นั้นเอง เมื่อดูกระทบแสงไฟก็จะพบว่าขอบที่เจียระไนนั้น สวยงามทีเดียวครับ


ด้านการใช้งาน




       ขณะใช้งานนั้นสามารถจับได้อย่างถนัดมือและสามารถใช้มือเดียวในการเล่นหรือพิมพ์ได้แม้ว่าจอจะใหญ่ขึ้นมาเป็น 4 นิ้ว แต่เนื่องด้วยที่ขยายขนาดทางด้านยาวจึงทำให้การใช้งานไม่ต่างจากเดิมเท่าไรครับ  เมื่อลองเทียบขนาดดูกับจอ 3.5 นิ้วของ iPhone 4S แล้ว ก็จะเห็นว่ายาวขึ้นพอสมควร ผู้ใช้ที่นิ้วสั้นอาจจะมีปัญหาเล็กน้อยครับ ;) เรื่องของน้ำหนักของตัวเครื่อง มีน้ำหนักเบามากครับไม่ถึง 1 ขีดเพียง 88 กรัมเท่านั้นครับ 



iPod touch loop





        
         iPod touch loop นับเป็นอีกหนึ่ง Accessory ใหม่ของ iPod touch ซึ่งเราก็จะได้แถมมาในกล่องด้วย ซึ่งจะได้สีเหมือนกับ iPod ที่เราซื้อ ที่สายก็จะพิมพ์คำว่า "Designed by Apple in California Assembled in China" แต่ถ้าใครอยากได้เพิ่มก็สามารถไปซื้อได้ในราคา 350 ต่อ 1 ชุด (1 ชุดจะได้สีที่เราซื้อและสีขาวอีก 1 เส้น) 
        iPod touch loop จะช่วยในเรื่่องของความมั่นใจว่ามันจะไม่ตกลงพื้นได้ง่ายๆ เพียงกดปุ่มที่อยู่ท้ายหลังเครื่อง ปุ่มก็จะนูนออกมา ใส่สายลงไป แล้วคล้องสายไว้ในมือ เท่านี้ iPod ของเราก็จะไม่ตกลงไปนอนพื้นได้ง่ายๆอีกแล้ว
       เท่าที่ลองใช้งานดูก็รู้สึกได้ถึงความมั่นคงของสาย ที่ไม่หลุดได้ง่ายๆออกจากตัวเครื่อง แต่ก็อย่าเหวี่ยงเล่นแล้วกันนะครับ :)


Apple EarPods




       หลังจากที่ได้ทดลองฟังเสียงแล้วบอกได้คำเดียวว่า "ดีมาก" คุณภาพเสียงนุ่ม ทุ้ม ฟังแล้วลื่นหูมากครับ แถมเค้าดีไซน์ตัวหูฟังออกมาได้เหมาะกับหูมนุษย์ เมื่อพอใส่หูไปแล้ว ไม่หลุดง่ายเหมือนแต่ก่อนครับ

      แต่ว่าทำไมของ iPod touch ไม่ยอมให้ไมค์และปุ่มคอลโทรลมาด้วยก็ไม่รู้ครับ คือเป็นแค่สายหูหังเฉยๆ ไม่มีปุ่มและไมค์แต่อย่างใด เกือบดีแล้วเชียว!!!


พอร์ตและสายชาร์ต Lightning



หูฟัง      Lightning port         ลำโพง



         สายชาร์ตแบบใหม่ที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ใช้สายนี้สามารถบางลงได้ อันนี้เป็นหนึ่งในข้อดีที่ทำให้ iPod touch ตัวนี้บางได้ถึง 6.1 มม. แต่ที่แถมมาในกล่องไม่มีตัว Adapter สำหรับเสียบปลั๊กมาให้นะครับ อีกด้านเป็นหัว USB ใครที่มี Adapter ของ iPhone รุ่นก่อนๆก็สามารถใช้ได้เหมือนกันครับ ส่วนใครที่ไม่มีก็สามรถชาร์ตกับคอมพิวเตอร์แทนได้ครับผม


Application 





สำหรับ Application ที่ไม่รองรับขนาดหน้าจอใหม่ก็จะขึ้นเป็นขอบดำทั้งสองข้างดังรูป


ขนาดหน้าจอที่ยาวขึ้นก็ทำให้บาง App มีหน้าตาที่ต่างไปจากปกติ เช่น App Weather 


Siri

ถือว่าเป็น iPod touch รุ่นแรกที่สามารถใช้ Siri ได้ ถ้าว่างๆไม่รู้ว่าจะพูดอะไรก็ลองคุยกับ Siri ว่า
 "What can i do"

Apple Map


          ในตัวของ iPod touch (5th Generation) นั้นก็สามรถใช้ 3D ได้อย่างไม่มีปัญหา ค่อนข้างลื่น แต่ไม่สามารถใช้ Turn-by-Turn ได้ หากใช้เป็นการนำทางก็จะขึ้นเป็นป้ายดังรูปด้านบน โดยเราจะต้องเลื่อนเองและไม่มีเสียงพูดนำทาง



จอภาพ



         จะเห็นได้ว่าจอภาพรุ่นใหม่ที่ใช้กับ iPhone 5 และ iPod touch (5th Generation) นั้นให้สีที่สดกว่าเดิมทำให้การแสดงผลเกมหรือภาพจากการถ่ายดูสวยงามขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และยังให้ความสว่างที่มากกว่าเดิมด้วย

สีของจอภาพไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ไม่ผิดเพี้ยนครับ



กล้อง


        iPod touch รุ่นนี้มาพร้อมกับกล้องหลังขนาด 5 ล้านพิกเซลแบบ iSight cameraส่วนกล้องหน้าก็ขยับมาเป็น 1.2 ล้านพิกเซลซึ่งมากกว่า iPhone 4S เสียอีก เมนูกล้องก็ต่างไปจากเดิม เนื่องจากมีหน้าจอที่ยาวขึ้นครับ

      กล้องหลังสามารถบันทึกวิดีโอได้แบบ Full HD (1080p) 30 เฟรมต่อวินาที ส่วนกล้องหน้าบันทึกวิดีโอได้แบบ HD (720p) 30 เฟรมต่อวินาที

      รุ่นนี้ยังเป็นรุ่นแรกที่มาพร้อมกับ LED flash ซึ่งจะช่วยในการถ่ายภาพในที่มืดมีประสิทธิภาพมากขึ้นครับ อีกทั้งยังมาครบทั้งการถ่ายแบบ Panorama ระบบกันสั่นขณะถ่ายวิดีโอ ระบบตวรจจับใบหน้า Auto focus และ tap to focus

       ทางเราก็ยังได้ทดลองถ่ายทั้งภาพและวิดีโอเปรียบเทียบกับ iPhone 4S มาให้ได้ชมกันด้วยครับ

iPod touch Gen 5                                   iPhone 4S


 iPod touch Gen 5                                   iPhone 4S

  iPod touch Gen 5                                   iPhone 4S

 iPod touch Gen 5

iPhone 4S

  iPod touch Gen 5                                   iPhone 4S             
                   
        ผลจากการลองถ่ายภาพเปรียบเทียบกับ iPhone 4S ซึ่งมีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ก็ย่อมได้ผลว่า iPhone 4S ได้ภาพที่ชัดกว่า แต่ถ้าพูดถึงเรื่องสีสันของภาพจะเห็นได้ว่า iPod touch (5th Generation) นั้นจะให้ภาพที่สดกว่า ยิ่งเมื่อดูจากจอภาพของ iPod touch เองแล้วที่มีการแสดงผลให้สีของจอที่สดใสกว่าเดิม ก็ยิ่มทำให้ดูมีสีสันมากกว่า

     ผลการถ่ายภาพในที่มืด iPhone 4S ก็เก็นรายละเอียดได้ดีกว่าแต่ถาพจะดูสีจืดกว่า iPod touch ในส่วนของการถ่าย Panorama ภาพจาก iPod touch ค่อนข้างแย่ จะเห็นว่าภาพจะมืดมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด


ในส่วนการถ่ายวิดีโอ


ด้านบนเป็น iPhone 4S ด้านล้างเป็น iPod touch


การถ่ายวิดีโอถือว่าทำได้ดีใกล้เคียงกับ iPhone 4S แต่อาจจะคมชัดน้อยกว่าเพราะพิกเซลน้อยกว่านั่นเอง


ประสิทธิภาพด้านเสียง



          ด้านของคุณภาพเสียงเมื่อเปิดออกลำโพง หากเทียบกับ iPhone 4S แล้วถือว่ายังด้อยอยู่พอสมควร  แต่ก็ดีกว่า iPod touch รุ่นก่อนหน้า แต่ฟังเพลงผ่าน Apple Earpods แล้วจะได้คุณภาพเสียงที่ดีมาก อันนี้ต้องยกความดีความชอบให้ Apple Earpods


แบตเตอรี่

      ทาง Apple เครมว่าสามรถเล่นเพลงได้ถึง 40 ชม. เล่นวิดีโอได้ 8 ชม. หลังชาร์ตเต็ม และสามารถชาร์ตได้ 80% ในเวลา 2 ชม.และเต็มในเวลา 4 ชม.(จาก 0%) 
     ซึ่งจากการใช้งานแบตเตอรี่ก็สามรถใช้ได้นานพอสมควร แต่ก็ยังไม่เห็นผลชัดเจนว่าแบตอึดขนาดไหน 


ประสิทธิภาพ CPU A5



        เนื่องด้วยใช้ CPU Apple A5 ที่เป็น Dual-core จึงทำให้รันเกมใหญ่ๆหนักเช่น Infinity Blade , Aphalt 6 ได้อย่างลื่นไหล ไม่มีปัญหากระตุกให้เห็น 



ข้อด้อย
  • ไม่มีระบบสั่น
  • ไม่มีเซ็นเซอร์ปรับแสงหน้าจออัตโนมัติ (Ambient light sensor)
  • การถ่ายภาพแบบ Panorama ในที่แสงน้อยยังได้ภาพที่ไม่ค่อยดีนัก
  • กล้องด้านหลังนูนออกมาค่อนข้างเยอะ เสี่ยงต่อการกระแทก


 (PRODUCT) RED


           หลายคนสงสัยว่า(PRODUCT) RED คืออะไร (PRODUCT) RED คือผลิตภัณฑ์ที่จะนำรายได้ส่วนหนึ่งไปช่วยผู้ป่วยเอดส์ในแอฟริกา ผลิตภัณ์ของ Apple ที่เข้าเข้าร่วมเป็น (PRODUCT) RED จะมี iPod touch , iPod Shuffle , iPod nano , iPad Smart Cover , iPad Smart Case , iPhone 4S Bumper โดย (PRODUCT) RED ของ Apple ขะต้องสั่งผ่านทาง Apple Stores Online เท่านั้นครับ

          ถ้าใครเลือกไม่ถูกว่าจะใช้สีไหนดี ก็แนะนำเป็นสีแดง (PRODUCT) RED แล้วกันนะครับ ถือว่าเป็นการทำบุญไปด้วยครับผม :)



รีวิวโดย  :  Apple News Thailand























































ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น